วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

คนแหล๋วแตว


จรัล มโนเพชร
คนแหล๋วแตว(คนไม่ได้เรื่อง ถ้าศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้ก้อต้องเรียกว่าเพลงคนห่วยแตก อ่ะคะ)

ตั๋วอ้ายเกิดมาเป๋นคนขี้คร้าน บ่เกยยะก๋านเลยในจ้าดนี้ (ตัวพี่เกิดมาเป็นคนขี้เกียจ ไม่เคยทำงานเลยในชาตินี้) ขี้คร้าน=ขี้เกียจ, บ่อเกย=ไม่เคย,ยะก๋าน=ทำงาน,จ้าด=ชาติ)
กึ๊ดว่าจะไปขายของ ก่กลัวหน้าหมอง (คิดว่าจะไปขายของก็กลัวหน้าหมอง)
ขายแว่นขายหวีก่กลัวปุ๊ดตืน (ขายแว่นขายก็กลัวขาดทุน) ปุ๊ดตืน=ขาดทุน

เขาว่าตัวอ้ายเป๋นคนแหล๋วแตว (เขาว่าตัวพี่เป็นคนไม่ได้เรื่อง/ไม่เอาอ่าว)
ไปไหนบะแผ๋ว ผะหยามันตื้น (ไปใหนไม่รอด สมองมันตื้น) บะแผ๋ว=ไม่ถึง(ถ้าใช้กับฝั่ง)/ไม่รอด,ผะหยา=สมอง
กึ๊ดฮอดเป๋นดีใคร่หัว กิ๋นบะขามคั่วตะคืน (คิดแล้วก็อยากหัวเราะ กินมะขามคั่วเมื่อคืน)(กึ๊ดฮอด=คิดแล้ว/คิดถึง มีสองความหมายค่ะแต่ในเพลงนี้หมายถึงคิดแล้ว,ไข้หัว=หัวเราะ,แก่นมะขามคั่ว=เม็ดมะขามคั่ว ชาวเหนือชอบเอาเม็ดมะขามแห้งไปหมกกับขี้เถ้าไฟ หรือคั่วในกระทะจนเปลือกไหม้แล้วเอามาแกะเปลือกเคี้ยวเล่นระหว่างผิงไฟค่ะ ด้วยความที่รุ่งเป็นคนบ้านนอกก็เลยรุ้จักเพราะสมัยเด็กๆ เราไม่มีรั้วแบบสมัยนี้ทุกบ้านก็จะไปมาหาสู่กันง่าย บ้านใดก่อกองไฟก่อนบ้านอื่นก็จะไปนั่งผิงไฟด้วย เฉพาะหน้าหนาวก็จะมีคนมานั่งคุย ผิงไฟ และ กินของกินเล่นแบบเม็ดมะขามคั่วนี่แหละ ซึ่งจะแข็งมาก แข็งเหมือนหิน ต้องแกะเปลือกที่หุ้มเม็ดมะขามออก อมไว้ในปากให้นิ่มแล้วจึงเคี้ยว ข้าพเจ้าไม่ค่อยชอบเพราะกินยากเคี้ยวแล้วปวดฟัน จึงมีชื่อเล่นของอาหารกินเล่นชนิดนี้ว่าฟ้าสนั่นค่ะ ตลกดีใหมคะ เพราะว่าเวลาเคี้ยวเสียงจะดังมากเวลาเม็ดมะขามแตกอ่ะ บางทีทำให้ปวดฟันไปเลย คนแก่ๆก็เลยเสียฟันไปเลยเพราะไอ้เจ้าฟ้าสนั่นนี่แหละ)
ลิ้นปอลอกยืน เกือบย้อยจิ๊ดิน (ลิ้นจนลอก ยืนเกือบย้อยติดดิน)(หุหุยืนลิ้นห้อยจะถึงพื้นหุหุ ตลกจัง) ปอ=จน(กระทั่ง),จิ๊ =สัมผัสหรือติด

ขอน้องจ้วยเตื่อม เตื่อมฮื้ออ้ายได้ก่ (ขอน้องช่วยเติม เติมให้พี่ได้ใหม)(ได้ก่อ=ได้ใหม)(เติ่ม=เติม เวลาร้องสำนวนเหนือก็เลยเป็นภาษากลางที่เพี้ยนน่ะค่ะ
เหมือนบุหรี่ตองจ่อกู้ยางบะปิน (เหมือนบุหรี่ตองจ่อคู่ยางมะปิน)(อันนี้ข้าพเจ้าของเท้าความสมัยเด็กอีกแล้วว่า สมัยก่อนไม่มีบุหรี่ซิกาเร็ตแบบปัจจุบัน เขาจะเอาใบตองมาทับให้แบนและแห้งแบบกระดาษบุหรี่ พอใส่ยาสูบที่หั่นเป็นฝอยๆแบบใส้บุหรี่ปัจจุบันแล้วก็จะเป็นบุหรี่เรียกว่าบุหรี่ต๋องจ่อ แต่พอม้วนแล้วมันไม่อยู่ต้องหากาวมาติดกาวที่ว่าคือยางมะตูมค่ะ มะตูม=บะปิน  ความทรงจำเมื่อสามสิบปีก่อนลางเลือนมากไม่รู้ว่าเขาเอายางมะตูมเก็บยังไงแต่เท่าที่จำได้คือเอาไม้เล็กๆมาป้ายยางกับใบตองแล้วม้วนให้ติดกันค่ะ)
เหมือนหลังคาบ้านกู้กับบะหิน (ก้อนหิน)
เหมือนโฉมยุพินกู้กับตั๋วอ้าย (ตัวพี่)

น้ำพริกบ่ดายไผตึงบ่ดู หนทีลาบหมูลู่กันฮิมต๋าย (น้ำพริกอย่างเดียวใครก็ไม่มอง แต่ทีลาบหลู้ แย่งกันแทบตาย)(บ่ดาย=อย่างเดียว/แค่นั้น,ไผ=ใคร,ตึง= ก็ เป็นคำขยายเพื่อเพิ่มความหมายในลักษณะคล้อยตาม)
ลาบดิบลาบคั่วก่มีก้าเต้ากั๋น ตัวอ้ายใคร่หันลาบควาย (ลาบดิบลาบคั่วก็มีค่าเท่ากัน ตัวพี่อยากเห็นลาบควาย) (ลาบ=อาหารเหนือมีสองแบบคือแบบดิบกับแบบที่เอาไปคั่ว คือการเอาเนื้อสับให้ละเอียดกับเลือดหมูหรือควายหรือวัวใส่เครื่องในหั่น ใส่เครื่องปรุงซึ่งเป็นเครื่องเทศคั่วและบดหยาบๆ ส่วนผู้หญิงหรือเด็กบางคนไม่ชอบทานดิบจะเอาไปคั่ว ใส่น้ำนิดหน่อยเรียกว่าลาบคั่ว,หัน=เห็น
กิ๋นแล้วดิ้นต๋ายเมื่อใดจ้างมัน (กินแล้วชักตายเมื่อใดช่างมัน)(จ้างมัน=ช่างมัน)

.....................................................
ขอขอบคุณ เว็บกะว่าก๋า สำหรับเนื้อเพลง ข้าพเจ้าได้ปรับบางคำให้เป็นคำเมือง(ภาษาเหนือ)ที่ถูกต้องแล้ว ส่วนคำแปลภาษากลางข้าพเจ้าแปลเองผิดถูกชี้แนะได้เน่อเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น