ฟังเพลงคลิกตรงนี้
"เขี้ยวลายสารโถ่ (ถั่ว) ต้มเน้อ (เฮ้ออันนี้จนปัญญาไม่รู้จะแปลยังไง เดานะ เขี้ยว=ฟัน ฟันลายเพราะมีถั่วต้มติด แปลยังงี้ไม่รู้ถูกหรือเป่านะคะ)
พี่บ่หย่อน เมียงนาง น้องโลม (พี่ไม่หย่อน เมียงนางน้องโลม)
ยาลำต้มโตยสู พี่เมา แหล่" (ยาอร่อยต้มตามน้อง พี่เมา) (ลำ=อร่อย ,โตย=ด้วยหรือตาม )
จากนั้นจะเป็นคำร้อง ทำนองซอเงี้ยวว่า
"อะโหลโลโล ไปเมืองโก โตยพี่เงี้ยว(ไปเมืองโก กับพี่เงี้ยว) (อะโหล่น โลโล เป็นคำอุทานใช้พูดก่อนจะแซวหรือพูดเกริ่นหากเป็นภาษากลางหรือภาษาอังกฤษก็คงหมายถึงคำว่าโอ,โตย=ด้วยหรือกับ )
หนทางคดเลี้ยว ข้าน้อง จะเหลียวถาม
หนทางเส้นนี้ เปนถนน ก็เมืองพาน (หนทางสายนี้ เป็นถนนของเมืองพาน)(เมืองพานน่าจะเป็นเมืองที่อยู่แถวอ.ฝางชื่อเมืองพานค่ะ)
เฮยพ่อเฮย ผ้าสีปูเลย พาดเกิ่งตุ๊มเกิ่ง(ผ้าสีปูเลยพาดครึ่งห่มครึ่ง)(ปูเลย=สมุนไพรชนิดหนึ่งใช้เข้ายาหัวเป็นสีเหลืองอ่อน ต้นมีใบคล้ายใบขิง ที่ทราบเพราะที่บ้านข้าพเจ้ามีอ่ะโชคดีไปเลยแปลได้ หุหุ, ส่วนคำว่าตุ่มเกิ่งเนี่ยคิดอยู่ตั้งนาน ถามแม่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ขนาดแกอายุหกสิบแล้วนะ คิดไปคิดมาก็เลยเข้าใจ คำนี้คือคำว่า ตุ๊ม =ห่ม น่ะเอง ส่วนเกิ่งนั้นเปลว่าครึ่งค่ะ
เสเลเมา บ่าเดี่ยว เปิ๊กเซิก็ (เสเลเมา ตอนนี้ พะรุงพะรัง)(เปิ๊กเซิ๊ก=พะรุงพะรัง)
ข้ามน้ำเลิก็ ก็บ่ได้ขอด สายถง (ข้ามน้ำลึกก็ไม่ได้ขมวดสายย่าม)(เลิ๊ก=ลึก,ขอด=ขมวด,ถง=ย่าม)
หนามเก๊ดเก๊า มาจ่องมาขน ก็แมวโพง(หนามเคว้ดเก๊ามาจ้องเอาขนแมวโพง)(หนามเคว้ดเก๊า=วัชพืชและยาชนิดหนึ่งหนามยาวแหลมและใหญ่มาก
มาก แม่ข้าพเจ้าบอกว่าแมวผี=แมวโพง จะไม่กระโดดผ่านเพราะกลัวหนามเนี่ยจะเกี่ยว)
เนาะพี่เนาะ จะขี่เฮือเหาะ ขึ้นบนอากาศ(เนาะพี่เนาะจะขี่เรือเหาะขึ้นบนอากาศ)(หนอะ=เนอะ,เฮือเหาะ=เรือเหาะ)
อะโหลโลโล ส้มบ่าโอ จิน้ำพริก(โละๆ ส้มโอจิ้มน้ำพริก)(ส้มบ่าโอ=ส้มโอ,จิ=จิ้ม)
เหน็บดอกปิ๊กซิก มาแป๋งตาเหลือก ตาแล(เหน็บดอกเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มๆ มาทำตาเหลือกตาแล)(ปิ๊กซิ๊ก=คำวิเศษณ์ขยายคำว่าดอกไม้ว่ากระจุ๋มกระจิ๋ม,เป๋ง=ทำ)
ไปทางปู๊น เป๋นประตู ก็ท่าแพ(ไปทางโน้นก็เป็นประตูท่าแพ)(ตางปุ๊น=ทางโน้น )
งานนักแก อะโหลโลโล แม่ฮ้างแม่หม้าย"(สวยนักหนาโอ้แม่หม้ายทั้งนั้น)(นักแก=นักหนา,แม่ฮ้าง=แม่หม้าย,)
เสเลเมา เป็นชื่อเพลงไม่รู้ภาษาเงี้ยวหรือเปล่าใครรู้ช่วยตอบทีนะคะ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะเป็นคำว่าเสียเลยเมา เพราะตามที่แปลทั้งเพลงนั้นภาษาถิ่นบางคำจะกร่อนเสียงลงทำให้ออกเสียงฟังเป็นคำที่ดูแปลกไปทั้งที่เป็นความหมายเดียวกันค่ะ
ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าจะแปลถูกหรือไม่เนื่องจากเพลงนี้เป็นภาษาโบราณ(สมัยเจ้าดารารัศมีซึ่งเป็นพระราชชายาของรัชการที่๕ อีกทั้งข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าผู้แต่งเพลงนี้แต่งโดยใช้สำนวนภาษาเงี้ยวหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นภาษาเงี้ยวข้าพเจ้าก็สุดปัญญาจะแปล อย่างไรก็ตามเชียงใหม่เองก็มีหลายพื้นที่และแต่ละพื้นที่ก็มีภาษาถิ่นต่างกันบ้างเล็กน้อยส่งผลการการออกเสียงหรือการพูดแตกต่างกัน เช่น คนจอมทองจะพูดสำเนียงจอมทองและพูดคำบางคำไม่เหมือนคนแม่ริมอย่างข้าพเจ้า จึงยากจะแปลหากไม่รู้ภาษาถิ่นอื่นในเชียงใหม่ ถ้าหากผู้แต่งเพลงแต่งจากภาษาท้องถิ่นใดถิ่นหนึ่งเป็นการเฉพาะคำบางคำข้าพเจ้าก็ไม่เคยได้ยินด้วยถือว่าตนก็เป็นคนเชียงใหม่ที่ค่อนข้างจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่จะว่ารุ่นใหม่ก็คงจะเรียกไม่ได้เต็มปากเนื่องจากข้าพเจ้าเองก็จะสามสิบสี่แล้ว(ปีห้าสี่) คำบางคำเป็นภาษาพูดของคนรุ่นก่อนที่ไม่ค่อยจะใช้ ข้าพเจ้าเองก็ไม่เคยได้ยินหรืออาจได้ยินตอนเด็กแต่ว่าลางเลือนไปจนหมดแล้ว
ฟ้อนเงี้ยว เป็นฟ้อนที่ประดิษฐ์ขึ้น โดยพระราชดำริของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี โดยทรงมอบหมายให้ครูหลง บุญชูหลง ร่วมกับครูฟ้อนในคุ้มคิดท่ารำ โดยมีครูรอด อักษรทับ เป็นผู้คิดคำร้องเข้ากับทำนองซอเงี้ยว
เนื้อเพลงเดิมเป็นดังนี้ (ข้าพเจ้าจะแปลเท่าที่ทราบเพราะไม่ถนัดฉันทลักษณ์ของร้อยกรองภาคเหนือ ต้องคนเรียนด้านนี้ถึงจะรู้ภาษาเก่า)
"เขี้ยวลายสารโถ่ (ถั่ว) ต้มเน้อ (เฮ้ออันนี้จนปัญญาไม่รู้จะแปลยังไง เดานะ เขี้ยว=ฟัน ฟันลายเพราะมีถั่วต้มติด แปลยังงี้ไม่รู้ถูกหรือเป่านะคะ)
พี่บ่หย่อน เมียงนาง น้องโลม (พี่ไม่หย่อน เมียงนางน้องโลม)
ยาลำต้มโตยสู พี่เมา แหล่" (ยาอร่อยต้มตามน้อง พี่เมา) (ลำ=อร่อย ,โตย=ด้วยหรือตาม )
จากนั้นจะเป็นคำร้อง ทำนองซอเงี้ยวว่า
"อะโหลโลโล ไปเมืองโก โตยพี่เงี้ยว(ไปเมืองโก กับพี่เงี้ยว) (อะโหล่น โลโล เป็นคำอุทานใช้พูดก่อนจะแซวหรือพูดเกริ่นหากเป็นภาษากลางหรือภาษาอังกฤษก็คงหมายถึงคำว่าโอ,โตย=ด้วยหรือกับ )
หนทางคดเลี้ยว ข้าน้อง จะเหลียวถาม
หนทางเส้นนี้ เปนถนน ก็เมืองพาน (หนทางสายนี้ เป็นถนนของเมืองพาน)(เมืองพานน่าจะเป็นเมืองที่อยู่แถวอ.ฝางชื่อเมืองพานค่ะ)
เฮยพ่อเฮย ผ้าสีปูเลย พาดเกิ่งตุ๊มเกิ่ง(ผ้าสีปูเลยพาดครึ่งห่มครึ่ง)(ปูเลย=สมุนไพรชนิดหนึ่งใช้เข้ายาหัวเป็นสีเหลืองอ่อน ต้นมีใบคล้ายใบขิง ที่ทราบเพราะที่บ้านข้าพเจ้ามีอ่ะโชคดีไปเลยแปลได้ หุหุ, ส่วนคำว่าตุ่มเกิ่งเนี่ยคิดอยู่ตั้งนาน ถามแม่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ขนาดแกอายุหกสิบแล้วนะ คิดไปคิดมาก็เลยเข้าใจ คำนี้คือคำว่า ตุ๊ม =ห่ม น่ะเอง ส่วนเกิ่งนั้นเปลว่าครึ่งค่ะ
เสเลเมา บ่าเดี่ยว เปิ๊กเซิก็ (เสเลเมา ตอนนี้ พะรุงพะรัง)(เปิ๊กเซิ๊ก=พะรุงพะรัง)
ข้ามน้ำเลิก็ ก็บ่ได้ขอด สายถง (ข้ามน้ำลึกก็ไม่ได้ขมวดสายย่าม)(เลิ๊ก=ลึก,ขอด=ขมวด,ถง=ย่าม)
หนามเก๊ดเก๊า มาจ่องมาขน ก็แมวโพง(หนามเคว้ดเก๊ามาจ้องเอาขนแมวโพง)(หนามเคว้ดเก๊า=วัชพืชและยาชนิดหนึ่งหนามยาวแหลมและใหญ่มาก
มาก แม่ข้าพเจ้าบอกว่าแมวผี=แมวโพง จะไม่กระโดดผ่านเพราะกลัวหนามเนี่ยจะเกี่ยว)
ต๋าวันลง เจ้นจะแผว ต๋าฝั่ง (ตะวันลับ จึงจะถึงอีกฝั่ง)(ต๋าวัน=ตะวัน,เจ้น=จึง,แผว=ถึง ต๋าฝั่ง =ฝั่งแม่น้ำ
เสเลเมา บ่าเดี่ยว ป๊อกซ็อก (เสเลเมาตอนนี้จ๋อย)
เสเลเมา บ่าเดี่ยว ป๊อกซ็อก (เสเลเมาตอนนี้จ๋อย)
เหล้นพ้ายป๊อก ก็เส(เสีย) ตึงลูกตึงหลาน(เล่นไพ่ป๊อกก็เสียถึงลูกถึงหลาน)(เหล้น=เล่น,พ้ายป๊อก=ไพ่ป๊อก เพลงนี้ทำให้รู้ว่าเขานิยมเล่นไพ่ป๊อกตั้งแต่สมัยเจ้าแม่ดาราฯแล้วนะเนี่ย,เส=เสีย คนเมืองเหนือก็ออกเสียงคำนี้ว่าเสียเหมือนภาคกลางแต่ก็มีบางพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นชาวไทยลื้อหรือรือในที่นี้เงี้ยวก็น่าจะออกสำเนียงคำว่าเสีย เป็นเส เหมือนกันค่ะ อ่ะ ยังมีคำอื่นอีก อย่างโต๋ เป็นตั๋ว สองคำมีความเดียวกันคือคำว่าตัวค่ะ
เหล้นไปแถมหน้อย ก็เส(เสีย) ตึงปิ่นตึงลาน (เล่นไปอีกหน่อยก็เสียทั้งปิ่นทั้งลาน)(แถมหน้อย=อีกหน่อย,ตึง=ทั้ง)เนาะพี่เนาะ จะขี่เฮือเหาะ ขึ้นบนอากาศ(เนาะพี่เนาะจะขี่เรือเหาะขึ้นบนอากาศ)(หนอะ=เนอะ,เฮือเหาะ=เรือเหาะ)
อะโหลโลโล ส้มบ่าโอ จิน้ำพริก(โละๆ ส้มโอจิ้มน้ำพริก)(ส้มบ่าโอ=ส้มโอ,จิ=จิ้ม)
เหน็บดอกปิ๊กซิก มาแป๋งตาเหลือก ตาแล(เหน็บดอกเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มๆ มาทำตาเหลือกตาแล)(ปิ๊กซิ๊ก=คำวิเศษณ์ขยายคำว่าดอกไม้ว่ากระจุ๋มกระจิ๋ม,เป๋ง=ทำ)
ไปทางปู๊น เป๋นประตู ก็ท่าแพ(ไปทางโน้นก็เป็นประตูท่าแพ)(ตางปุ๊น=ทางโน้น )
งานนักแก อะโหลโลโล แม่ฮ้างแม่หม้าย"(สวยนักหนาโอ้แม่หม้ายทั้งนั้น)(นักแก=นักหนา,แม่ฮ้าง=แม่หม้าย,)
เพลง : เสเลเมา
ศิลปิน : จรัล มโนเพ็ชร
ศิลปิน : จรัล มโนเพ็ชร
ไก่แจ้ขันหน่อ กุ่ ง
นกยูงขันเหน่อฮ้อย
ก้อยข้านี้ ไผจักมา ตัดบ่มแล
(ส่วนท่อนข้างล่างนี้จรัลลอกต้นฉบับเพลงฟ้อนเงี้ยวข้างบนของเจ้าดาราฯมาเลยค่ะ)
อะโล โลโล
ไปเมืองโก ตวยปี้เงี้ยว
หนตาง คดเลี้ยว
ข้าน้อยจัก ขอ ถาม
หนตาง เส้นนี้
เป็นถนน ก่เมิงพาน
เฮย ป้อเฮย..
ผ้าสีปูเลย ปาดเกิ่งตุ้มเกิ่ง
...ดนตรี..>>>
เส เลเมา บ่าเด่ว เปิ๊ก เซิ๊ก
ข้าม น้ำ เลิ๊ก
ก็บ่ได้ขอด สาย โถง
หนาม เก็ดเก๊า
มาจ่องเอาขน ก่แมวโพง
ต๋า วันลง..
เจ้นจะแผว ต๋าฝั่ง
...ดนตรี..>>>
เส เลเมา
บ่าเด่ว ป๊อก ซ๊อก
ไปเล่น ไพ่ ป๊อก
ก่เสเติงลูก ก่เติงลาน
เล่นไป แห๋มน่อย
ก่เสเติง ปิ่นเติงลาน
เหนาะเจ้าปี้เหนาะ
จักขี่เฮือเหาะ ขึ้นบนอากาศ
...ดนตรี..>>>
อะโล โลโล
ส้มมะโอ จิ๊น้ำพริก
เหน็บดอก ปิ๊ก ซิก
มาแป๋งต๋าเหลิก ก่ตาแล
ไปตางปู้น แป๋นปะตู๋ ก่ต้าแป
งามนักแก
อะโลโลโล แม่ฮ้าง แม่ม่าย
...ดนตรี..>>>
.เคียวลาสัน โถ่ตมเน้อ
ปี้บ่หย่อน เมง มาง น่อ โล
ยาลันตมตวย สู้ปี๊ เล้าแล
....ดนตรี...>>>จรัลแต่งเพิ่มท่อนท้ายดังต่อไปนี้ค่ะ
เส เลเมา
บ่าเด่ว ป๋าง กว้าง (ตอนนี้ป่ากว้าง)(ป๋าง=ป่า)
ไปเซาะ ซื้อ ช้าง (ไปหาซื้อช้าง)(เซาะ=หาหรือซื้อ ,จ๊าง=ช้าง)
ก่ได้ปู๊ เอกงาขาว(ก็ได้ตัวผู้ลักษณะดีงาสีขาว) (ปู๊เอก=ตัวผู้มีลักษณะดี)
เอา ไป ลากไม้
ตี๊เจงแสน ก่เจงดาว(เอาไปลากไม้ที่เชียงเสียงเชียงดาว)(ตี้=ที่,เจงหรือเจียง=เชียง)
เหนาะเจ้าปี้เหนาะ (เนาะพี่เนาะ)
ผักกาดเกาะ จิ๊น้ำพริกหนุ่ม (ผักกาดเกาะจิ้มน้ำพริกหนุ่ม)(ผักกาดเกาะ=ผักกาดที่ปลูกตามริมชายฝั่ง ซึ่งชายฝั่งริมน้ำที่มีดินทรายน้ำท่าอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ชาวบ้านนิยมไปปลูกผัก ส่วนผักที่ปลูกบริเวณนั้นก็จะเรียกชื่อตามด้วยแหล่งที่ปลูก เช่น ปลูกผักกาดเรียกผักกาดเกาะ ปลูกถั่วฝักยาวก็จะเรียกว่าถั่วเกาะ เป็นต้น แต่การออกเสียงสำเนียงจะต่างกันไปถามแต่ละท้องที่ค่ะ ตอนแรกก็งงว่าเก๊าะคืออะไร เพราะเวลาร้องเสียงเพี้ยนไปจากความหมาย เวลาพูดเราจะพูดว่าเกาะ เป็นสำเนียงเหนืออีกอย่างค่ะ โอ๊ยเพลงนี้แปลยากจริงๆ
ขอขอบคุณเว็บ 4 ไทย และเว็บรำไทยค่ะ สำหรับเนื้อเพลงภาษาเหนือและประวัติเพลงฟ้อนเงี้ยว ส่วนการแปลภาษาเหนือเป็นภาษากลางข้าพเจ้าแปลเอง หากผิดถูกอย่างไรผู้อ่านโปรดชี้แนะด้วยค่ะ
ผมไปเจอคำแปลในอีกเว๊ปนึงอธิบายถึงเนื้อร้องท่อนที่ว่า "จะขี่เรือเหาะขึ้นบนอากาศ" เรือเหาะที่ว่านี้ไม่ได้หมายความถึงเครื่องบินเพราะสมัยนั้นยังไม่มี แต่เป็นการอุปมาของผู้เขียนคำร้องเองว่าจะเล่นไพ่ป๊อกอย่างไรให้ได้กำไรไม่มีทางเป็นไปได้พอ ๆ กับขี่เรือขึ้นไปบนอากาศ
ตอบลบกับอีกท่อนหนึ่ง เล่นไพ่ป๊อก กะเสียตึงลูกกะตึงหลาน
ตอบลบเล่นไปแหมหน่อย *กะเสียตึงปิ่น กะตึงลาน* ปิ่นในที่นี้หมายถึงปิ่นปักผม ส่วนลานหมายถึงตุ้มหูของคนสมัยก่อน รวมๆแล้วก็คือเล่นไพ่มีแต่เสียจนหมดเนื้อหมดตัวนั่นเอง