เมื่อไปถึงน้ำตกจริงๆ แล้วใหญ่โต สวยงามมาก แต่ต้องใช้ความพยายามในการไต่หินลงไปหน่อย เป็นจุดหมายปลายทางของน้ำตกแห่งนี้ เดินทางโหดแต่ก็คุ้มค่า
ทางขึ้นน้ำตกที่หินจริงๆ (หินที่แปลว่าโหด และหินที่แปลว่ายาก! ) เดินเท่ากันเข้าไปเป็นกิโลแม้ว แต่ไม่เหงาเพราะมีนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างประเทศกันคึกคัก
ทางเข้าจริงๆ แล้วเพิ่งรู้มาทีหลังว่าเข้าได้ 2 ทาง เข้าทางสถานีฯและเข้าทางสวนเฟิร์น ฉันไม่รู้ก็มาตามป้ายที่ชี้ว่ามาน้ำตกสิริภูมิเลี้ยวขวา พอจ่ายเงินค่าเข้าเสร็จก็ต้องผ่านสวนเฟิร์นก่อนที่จะขึ้นไปน้ำตก
ถัดมาไปน้ำตกแห่งสุดท้ายซึ่งเป็นน้ำตกหฤโหดที่กินเวลาเดินทางมากที่สุด จนต้องจบทริปวันนี้แค่น้ำตกแห่งนี้ น้ำตกที่ว่าคือน้ำตกสิริภูิมิซึ่้งจะมีป้ายบอกทางเข้าตรงขวามือหากเราขับรถ ขึ้นไป เข้าไปนิดหน่อยจะเจอทางแยกใหญ่ๆ 2 ทางให้เลือก ฉันเลือกที่ป้ายบอกว่าไปน้ำตก เข้าไปปรากฎว่ามีด่านเก็บเงินค่าเข้า 20 บาท ซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับค่าเข้าขึ้นดอยอินทนนท์ แต่ก็ไม่เสียดายเพราะเป็นเงินค่าบำรุงให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นน่ารักและเป็นมิตรมาก เพราะฉันเห็นน้ำตกสิริภูิมิอยู่ท่ามกลางภูเขาใกลลิบๆ ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้ในระยะใกลตอนขับรถเข้าไป ฉันเห็นว่าสวยดีและคงถ่ายไม่ได้ถ้าเข้าไปใกล้น้ำตก จึงจอดรถถ่ายภาพ มีเด็กชาวเขา่ 3 คนเปิดประตูรั้วบ้านออกมายิ้มให้ ก็เลยขอถ่ายภาพน้องๆ ปรากฎว่าน้องชอบถ่ายรูปมากก็เลยถ่ายคู่กับน้ำตกซะเลย เลยได้ออกมาเป็นภาพที่สวยมาก จากด่านเก็บเงินจะผ่านสวนเฟิร์นซึ่งรวมพันธุ์เฟิร์นแปลกๆ จัดอย่างสวยงาม ก็เลยเดินเข้าไปอย่างงงๆ เพราะไม่มีป้ายใหนบอกว่าน้ำตกอยู่ตรงไหน ไปอย่างไร เดินมาสักพักมีรูปสัญลักษณ์น้ำตก เขียนว่า 15 ม. ดีใจใหญ่ ก็เลยเดินเข้าไปปรากฎว่าเป็นตีนน้ำตกเตี้ยๆ เดินคอตกกลับออกมาด้วยความผิดหวัง ระหว่างทางเจอทางดินเล็กๆ ขึ้นเขาไปก็เลยเดินตามทางขึ้นไปบรรจบกับทางซีเมนต์ดีๆ เดินไปได้สักพักเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เลยถามว่าน้ำตกอีกใกลใหม น้องยิ้มแล้วอ้ำอึงแต่ก็บอกทางไป ปรากฎว่าทางดีสิ้นสุดลงแล้วเป็นทางที่เต็มไปด้วยหิืน แต่ก็มีทางเดินชัดเจน ระหว่างทางจะเจอแอ๊ปเปิ้ลป่าหล่นเต็มไปหมด ก็เลยเก็บมาลูกหนึ่งว่าจะไปถามน้องข้างล่างว่ามันคือลูกอะไรก็เลยรู้ว่ามัน คือแอ๊ปเปิ้ลป่า ไม่กล้าเก็บลงมาเยอะกลัวโดนด่าแต่น้องบอกว่าเก็บได้ เอามาลองกินที่บ้านรสชาติเปรี้ยวๆ ฝาด ผลสีเขียวลูกเล็กกว่าแอปเปิ้ลทึั่วไปและมีกลิ่นหอม เดินขึ้นไประหว่างทางเจอนักท่องเที่ยวร่วมทาง(ชะตากรรม) เยอะแยะ ขึ้นไปจนถึงน้ำตกปรากฎว่ามีทางแคบมากกก เข้าไปแต่ลูกบ้าก็ทำให้ไปถึงน้ำตกจนได้ แหงนขึ้นไปจึงรู้ว่าน้ำตกใหญ่โตมโหฬารมากคุ้มค่ากับที่เดินทางมาอย่างยาก ลำบาก ขาออกมาเจอคนกำลังจะเข้าก็เลยบอกทางให้พวกเขา
น้ำตกสิริภูมิ ซึ่งมองเห็นได้ในระยะใกล ระหว่างทางที่จอดรถถ่ายรูปมีเด็กชาวเขาน่ารักสามคนก็เลยถ่ายรูปพร้อมน้ำตกซะเลย น้องๆ ชอบถ่ายรูปกันมาก มีโพสต์ท่่ากันมากกว่านี้อีก
ทางขึ้นน้ำตกที่หินจริงๆ (หินที่แปลว่าโหด และหินที่แปลว่ายาก! ) เดินเท่ากันเข้าไปเป็นกิโลแม้ว แต่ไม่เหงาเพราะมีนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างประเทศกันคึกคัก
ทางเข้าจริงๆ แล้วเพิ่งรู้มาทีหลังว่าเข้าได้ 2 ทาง เข้าทางสถานีฯและเข้าทางสวนเฟิร์น ฉันไม่รู้ก็มาตามป้ายที่ชี้ว่ามาน้ำตกสิริภูมิเลี้ยวขวา พอจ่ายเงินค่าเข้าเสร็จก็ต้องผ่านสวนเฟิร์นก่อนที่จะขึ้นไปน้ำตก
ถัดมาไปน้ำตกแห่งสุดท้ายซึ่งเป็นน้ำตกหฤโหดที่กินเวลาเดินทางมากที่สุด จนต้องจบทริปวันนี้แค่น้ำตกแห่งนี้ น้ำตกที่ว่าคือน้ำตกสิริภูิมิซึ่้งจะมีป้ายบอกทางเข้าตรงขวามือหากเราขับรถ ขึ้นไป เข้าไปนิดหน่อยจะเจอทางแยกใหญ่ๆ 2 ทางให้เลือก ฉันเลือกที่ป้ายบอกว่าไปน้ำตก เข้าไปปรากฎว่ามีด่านเก็บเงินค่าเข้า 20 บาท ซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับค่าเข้าขึ้นดอยอินทนนท์ แต่ก็ไม่เสียดายเพราะเป็นเงินค่าบำรุงให้ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นน่ารักและเป็นมิตรมาก เพราะฉันเห็นน้ำตกสิริภูิมิอยู่ท่ามกลางภูเขาใกลลิบๆ ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้ในระยะใกลตอนขับรถเข้าไป ฉันเห็นว่าสวยดีและคงถ่ายไม่ได้ถ้าเข้าไปใกล้น้ำตก จึงจอดรถถ่ายภาพ มีเด็กชาวเขา่ 3 คนเปิดประตูรั้วบ้านออกมายิ้มให้ ก็เลยขอถ่ายภาพน้องๆ ปรากฎว่าน้องชอบถ่ายรูปมากก็เลยถ่ายคู่กับน้ำตกซะเลย เลยได้ออกมาเป็นภาพที่สวยมาก จากด่านเก็บเงินจะผ่านสวนเฟิร์นซึ่งรวมพันธุ์เฟิร์นแปลกๆ จัดอย่างสวยงาม ก็เลยเดินเข้าไปอย่างงงๆ เพราะไม่มีป้ายใหนบอกว่าน้ำตกอยู่ตรงไหน ไปอย่างไร เดินมาสักพักมีรูปสัญลักษณ์น้ำตก เขียนว่า 15 ม. ดีใจใหญ่ ก็เลยเดินเข้าไปปรากฎว่าเป็นตีนน้ำตกเตี้ยๆ เดินคอตกกลับออกมาด้วยความผิดหวัง ระหว่างทางเจอทางดินเล็กๆ ขึ้นเขาไปก็เลยเดินตามทางขึ้นไปบรรจบกับทางซีเมนต์ดีๆ เดินไปได้สักพักเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เลยถามว่าน้ำตกอีกใกลใหม น้องยิ้มแล้วอ้ำอึงแต่ก็บอกทางไป ปรากฎว่าทางดีสิ้นสุดลงแล้วเป็นทางที่เต็มไปด้วยหิืน แต่ก็มีทางเดินชัดเจน ระหว่างทางจะเจอแอ๊ปเปิ้ลป่าหล่นเต็มไปหมด ก็เลยเก็บมาลูกหนึ่งว่าจะไปถามน้องข้างล่างว่ามันคือลูกอะไรก็เลยรู้ว่ามัน คือแอ๊ปเปิ้ลป่า ไม่กล้าเก็บลงมาเยอะกลัวโดนด่าแต่น้องบอกว่าเก็บได้ เอามาลองกินที่บ้านรสชาติเปรี้ยวๆ ฝาด ผลสีเขียวลูกเล็กกว่าแอปเปิ้ลทึั่วไปและมีกลิ่นหอม เดินขึ้นไประหว่างทางเจอนักท่องเที่ยวร่วมทาง(ชะตากรรม) เยอะแยะ ขึ้นไปจนถึงน้ำตกปรากฎว่ามีทางแคบมากกก เข้าไปแต่ลูกบ้าก็ทำให้ไปถึงน้ำตกจนได้ แหงนขึ้นไปจึงรู้ว่าน้ำตกใหญ่โตมโหฬารมากคุ้มค่ากับที่เดินทางมาอย่างยาก ลำบาก ขาออกมาเจอคนกำลังจะเข้าก็เลยบอกทางให้พวกเขา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น